สถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดอุบลราชธานีที่เป็นสถานท่องเที่ยวที่แปลกตาที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนเลย จากที่ไหนนั่นก็คือที่วัดโขงเจียมแห่งนี้ วัดโขงเจียมมีการก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2392 โดยที่วัดแห่งจะมีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องความแปลกของแม่น้ำโขงซึ่งนักท่องเที่ยวคนไหนได้เดินทางมาไหว้พระพุทธรูปที่วัดโขงเจียมก็มักจะแวะไปชมวิวมีความสวยงามแปลกตาของแม่น้ำโขงที่เป็นแม่น้ำสองสีใช่ค่ะที่นี่จะไม่เหมือนแม่น้ำของตรงจุดอื่นๆที่เป็นแม่น้ำสีเดียวแต่ที่นี่จะมีสองสีมารวมกันโดยสีนึงจะเป็นสีคราม
ส่วนอีกส่วนอีกฝั่งจะเป็นสีปูน ปรากฏการณ์แม่น้ำสองสีไหลมารวมกันนั้นไม่ได้เกิดทุกช่วงรูแต่เราสามารถมาเยี่ยมชมความงดงามของแม่น้ำสองสีนี้ได้ในช่วงฤดูน้ำหลากก็คือช่วงฤดูฝนที่จะมีน้ำในปริมาณเยอะซึ่งฝั่งที่เป็นสีปูนนั่นก็คือเป็นสีออกสีแดงขุ่นกลับอีกฝั่งนึงซึ่งเป็นสีของแม่น้ำธรรมดาออกสีครามนั่นก็คือน้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำมูลไม่มีการปล่อยน้ำออกมาเจอกันก็ทำให้น้ำทั้ง 2 สีได้มีการปะทะกันส่วนต่างที่เป็นสีครามนั้นไม่มีความใสมากกว่าเพราะว่าน้ำถูกปล่อยออกมาจากเขื่อนปากมูลแต่สำหรับฝรั่งที่เป็นสีแดงกูนั้นเป็นน้ำที่มาจากแม่น้ำธรรมดาที่ไหลมาจากเทือกเขาต่างๆ
จึงรัดเอาสีของดินติดมาด้วยทำให้น้ำเป็นสีแดงข้นน้าน้ำทั้ง 2 แหล่งมาบรรจบกันจึงทำให้เห็นความแตกต่างของสีของแม่น้ำอย่างชัดเจนและเหตุนี้เองจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต่างพากันสนใจเยี่ยมชมความอัศจรรย์ใจแห่งนี้เพราะนอกจากจะได้การะไหว้พระที่วัดโขงเจียมแล้วยังสามารถมาดูความแปลกตาที่เราไม่สามารถพบเห็นได้จากที่ไหนมาก่อน หากใครที่ชื่นชอบความงดงามตามธรรมชาติการดูแม่น้ำสองสีนั่งทอดอารมณ์ไปจะทำให้จิตใจของคุณรู้สึกผ่อนคลาย
เพราะนอกจากเราจะมองดูแม่น้ำที่ทำให้เรารู้สึกจิตใจสงบแล้วเรายังมองเห็นสีเขียวของภูเขาซึ่งรายล้อมอยู่รอบแม่น้ำโขงดังนั้นหากใครที่กำลังมีจิตใจว้าวุ่นจิตใจแนะนำมาพักผ่อนหย่อนใจที่วัดโขงเจียมแห่งนี้จะช่วยให้จิตใจของคุณสงบได้มากขึ้นและหากใครเบื่อที่จะนั่งชมวิวสวยๆก็มีบริการเช่าเรือสามารถล่องเรือไปตามริมแม่น้ำโขงดูความงามของแม่น้ำได้อย่างใกล้ชิดซึ่งคุณสามารถที่จะล่องเรือไปตรงบริเวณที่แม่น้ำสองสายมาบรรจบกันระหว่างสองสีเพื่อดูให้เห็นกับตาเลยว่าแม่นางทั้งสองสีนี้มาบรรจบกันได้ยังไงแล้วที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี
ที่หากใครได้มาเยี่ยมเยียนจังหวัดอุบลราชธานีแล้วไม่ควรที่จะพลาดเพราะเป็นสถานที่ที่แปลกและไม่เหมือนใครที่สำคัญปีนึงสามารถที่จะดูความงามแบบนี้ได้แค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น